องค์การอนามัยโลกนิยามน้ำหนักตัวเกินและโรคอ้วนไว้ว่า เป็นภาวะที่ร่างกายมีการสะสมไขมันในส่วนต่าง ๆ เกินปกติ จนเป็นปัจจัยเสี่ยงหรือเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่าง ๆ ที่ส่งผลถึงสุขภาพ รวมถึงภาวะมีบุตรยากด้วย โดยตัวบ่งชี้ความอ้วนสำหรับผู้ใหญ่เอเชียสามารถประเมินได้ 2 วิธี ดังนี้
1. ดัชนีมวลกาย คำนวณจากน้ำหนักตัว (หน่วยเป็นกิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (หน่วยเป็นเมตร) ยกกำลังสอง
2. เส้นรอบวงเอวต่อส่วนสูง คำนวณได้จากเส้นรอบวงเอว (หน่วยเป็นเซนติเมตร) หารด้วย ความสูง (หน่วยเป็นเซนติเมตร) ค่าอัตราส่วนที่เหมาะสม คือ 0.5 ถ้ามากกว่า 0.5 แสดงว่าเริ่มมีภาวะอ้วนลงพุง
ปัจจุบันมีงานวิจัยจากหลากหลายสถาบันที่ศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักตัวกับคุณภาพของอสุจิ พบว่า ความอ้วนมีผลต่อคุณภาพอสุจิดังนี้
ความเข้มข้นของอสุจิ : ไขมันที่ถูกสะสมมากขึ้นบริเวณอัณฑะทำให้เกิดอุณหภูมิที่สูงขึ้น ซึ่งไม่เหมาะต่อการผลิตอสุจิ อีกทั้งไขมันที่เพิ่มขึ้น ยังทำให้เกิดการเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเทอโรน ไปเป็นฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน ทำให้การสร้าง อสุจิลดลง ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการมีบุตรเอง ตามธรรมชาติ และการฉีดน้ำเชื้อเข้าทางโพรงมดลูก (Intra-uterine insemination : IUI
การเคลื่อนที่ของอสุจิ : ฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเทอโรนที่ลดลงส่งผลให้การสร้าง การเจริญ และการพัฒนาบริเวณหางของอสุจิเกิดได้ไม่เต็มที่ ทำให้เห็นการเคลื่อนที่ของอสุจิในลักษณะที่ ผิดแปลกไป เช่น ว่ายวนไปมา ว่ายถอยหลัง ซึ่งลดโอกาสในการผสมกับไข่ เนื่องจากอสุจิอาจจะตาย จากสภาวะความเป็นกรดในช่องคลอดก่อนได้
รูปร่างของอสุจิ : การสร้างอสุจิที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้พบความผิดปกติที่รูปร่างของอสุจิได้ โดยความผิดปกติที่พบได้บ่อยคือ ความผิดปกติในส่วนหัว ความผิดปกติที่ส่วนคอและหางก็สามารถพบได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติที่ส่วนใดของตัวอสุจิย่อมส่งผล ต่อการมีบุตรยาก เนื่องจากไข่จะไม่ยอมรับอสุจิที่มีรูปร่างผิดปกติ ทำให้ไม่เกิดการปฏิสนธิ การฝังตัว หรือตัวอ่อนคุณภาพไม่ดี
สารพันธุกรรมในอสุจิ : ในคนอ้วน มักพบภาวะ Oxidative stress จากสารอนุมูลอิสระมากกว่าคนปกติ ซึ่งเป็นอันตรายต่อยีนในดีเอ็นเอ ทำให้เกิดความเสียหายของสายโครมาติน ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อภาวะแท้ง ทารก พิการแต่กำเนิด ซึ่งความผิดปกติของ สารพันธุกรรมดังกล่าวสามารถถ่ายทอดไปสู่รุ่นลูกหลานได้
บทความโดย
พญ.สิริสุข อุ่ยตระกูล
สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านการรักษามีบุตรยาก