เป็นที่ทราบกันว่า วิตามินดี (Vitamin D) มีส่วนสำคัญต่อการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูกและฟัน แต่ในปัจจุบันพบว่าวิตามินดีไม่เพียงแต่มีผลต่อกระดูกและฟันเท่านั้น วิตามินดียังมีบทบาทสำคัญต่อการตั้งครรภ์และเกี่ยวข้องกับการมีบุตรยากอีกด้วย
สาเหตุของการขาดวิตามินดี
จากการศึกษาปัญหาการขาดวิตามินดีในคนไทย พบว่าคนไทยมากถึง 45.2% มีระดับวิตามินดีไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมา เช่น ภาวะกระดูกพรุน กล้ามเนื้ออ่อนแรงความดันโลหิตสูง เป็นต้น โดยสาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจาก…
-ลักษณะการทำงาน ที่ปัจจุบันเรามักทำงานในร่ม หรือในอาคาร
-การหลีกเลี่ยงแสงแดดหรือการใช้ครีมกันแดด ทำให้การดูดซึมรังสี UVB ลดลง การสร้างวิตามินดีของร่างกายจึงน้อยลง
-การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ร่างกายได้รับวิตามินดีไม่เพียงพอต่อความต้องการ
-การเป็นโรคบางชนิด เช่น โรคตับ โรคไต หรือการมีไขมันสะสมในร่างกายสูงเกินไปก็อาจเป็นสาเหตุของการขาดวิตามินดีได้
วิตามินดีกับภาวะมีบุตรยาก
สำหรับผู้หญิงที่ต้องการใช้เทคโนโลยีช่วยในการเจริญพันธุ์ในการรักษามีบุตรยากนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องดูแลสุขภาพตัวเองเพื่อป้องกันการเกิดภาวะการขาดวิตามินดี เนื่องจากวิตามินดีมีส่วนช่วยในการสืบพันธุ์ บำรุงไข่ ไปจนถึงการฝังตัวของตัวอ่อน มีการศึกษาผลของระดับวิตามินดีต่ออัตราการสำเร็จของการใช้เทคโนโลยีช่วยในการเจริญพันธุ์ พบว่า ในผู้หญิงที่มีระดับของวิตามินดีในกระแสเลือด และในน้ำของฟองไข่ (follicular fluid) สูง จะมีโอกาสตั้งครรภ์สูงกว่าคนที่มีระดับวิตามินดีต่ำ
วิตามินดียังมีบทบาทต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์เพศชายเช่นกัน โดยวิตามินดีมีส่วนเกี่ยวข้องที่สำคัญในการสร้างและการเคลื่อนที่ของอสุจิ
แม้ว่าการศึกษาทั้งหมดยังไม่ได้มีข้อสรุปชัดเจนของการทำงานของวิตามินดีกับระบบสืบพันธุ์ทั้งเพศหญิงและเพศชาย แต่เป็นการเริ่มต้นงานวิจัยต่าง ๆ และทำให้คนเห็นคุณค่าวิตามินดีมากกว่าการป้องกันโรคกระดูกพรุนเท่านั้น
บทความโดย